๗. วัตถุเจือปนอาหาร เข้าใจได้ ไม่ใช่เรื่องยาก
๑. วัตถุเจือปนอาหารตามกฎระเบียบประเทศไทย
๒. วัตถุเจือปนอาหารตามมาตรฐานระหว่างประเทศ
วัตถุเจือปนอาหารตามกฎระเบียบประเทศไทยมีรายละเอียดในกฎหมายหลายฉบับ
ขอนำบางฉบับมาอธิบายในลักษณะการใช้งานจริงให้เข้าใจในเบื้องต้นโดยยกตัวอย่างประกอบ
ส่วนวัตถุเจือปนอาหารตามมาตรฐานระหว่างประเทศนั้น กฎหมายไทยมักกำหนดให้ยึดถือตาม
มาตรฐานอาหาร เอฟ เอ โอ/ดับบลิว เอช โอ, โคเด็กซ์
(Joint FAO/WHO, Codex) ว่าด้วยเรื่อง วัตถุเจือปนอาหาร
ซึ่งก็คือ มาตรฐานทั่วไปสำหรับการใช้วัตถุเจือปนอาหารของโคเด็กซ์
(Codex General Standard for Food
Additives) นั่นเอง
นีโอแทม
(Neotame)
ใช้เป็นวัตถุที่ให้ความหวานแทนน้ำตาล
กฎระเบียบประเทศไทยที่เกี่ยวข้องหลัก ๆ ในเบื้องต้น คือ
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ ๓๘๑) พ.ศ. ๒๕๕๙ เรื่อง วัตถุเจือปนอาหาร (ฉบับที่ ๔) และ
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ ๓๘๙) พ.ศ. ๒๕๖๑ เรื่อง วัตถุเจือปนอาหาร (ฉบับที่ ๕)
ซอสมะเขือเทศอยู่ในหมวดอาหาร '๑๒.๖.๒ ซอสที่ไม่เป็นอิมัลชัน'
การใช้แอสคอร์บิลสเตียเรต (Ascorbyl
stearate) ในซอสมะเชือเทศ
ปริมาณสูงสุดที่ให้ใช้ได้คือ ๕๐๐
มิลลิกรัมต่อ ๑ กิโลกรัม หรือ 500 Part Per Million (ppm)
ดังนั้น ซอสมะเชือเทศสูตรนี้ใช้แอสคอร์บิลสเตียเรตเพียง ๘๐ มิลลิกรัมต่อ ๑ กิโลกรัม (ppm)
ให้ใช้วัตถุที่ให้ความหวานแทนน้ำตาลหรือใช้ร่วมกับน้ำตาลนอกจากการใช้น้ำตาลได้
โดยใช้วัตถุที่ให้ความหวานแทนน้ำตาลได้ตามมาตรฐานอาหาร เอฟ เอ โอ/ดับบลิว เอช โอ, โคเด็กซ์ (Joint FAO/WHO, Codex) ที่ว่าด้วยเรื่อง วัตถุเจือปนอาหาร
เมื่อตรวจสอบในประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ ๓๘๙) พ.ศ. ๒๕๖๑ เรื่อง วัตถุเจือปนอาหาร (ฉบับที่ ๕)
จะพบว่า มีการอนุญาตให้ใช้นีโอแทม (Neotame) ในซอสมะเชือเทศได้ที่ปริมาณสูงสุด ๗๐ มิลลิกรัมต่อ ๑ กิโลกรัม หรือ 70 ppm
และเมื่อตรวจสอบมาตรฐานอาหาร เอฟ เอ โอ/ดับบลิว เอช โอ, โคเด็กซ์
(Joint FAO/WHO, Codex) ว่าด้วยเรื่อง วัตถุเจือปนอาหาร
จึงเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด
สำหรับการใช้นีโอแทม (Neotame) ซึ่งเป็นวัตถุที่ให้ความหวานแทนน้ำตาลในซอสมะเชือเทศ
มีข้อกำหนดอยู่ในกฎระเบียบแนวดิ่งของซอสมะเขือเทศ
คือ ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ ๒๐๑ พ.ศ. ๒๕๔๓ เรื่อง ซอสบางชนิด ข้อ ๔ วงเล็บ (๙)มีข้อกำหนดอยู่ในกฎระเบียบแนวดิ่งของซอสมะเขือเทศ
ให้ใช้วัตถุที่ให้ความหวานแทนน้ำตาลหรือใช้ร่วมกับน้ำตาลนอกจากการใช้น้ำตาลได้
โดยใช้วัตถุที่ให้ความหวานแทนน้ำตาลได้ตามมาตรฐานอาหาร เอฟ เอ โอ/ดับบลิว เอช โอ, โคเด็กซ์ (Joint FAO/WHO, Codex) ที่ว่าด้วยเรื่อง วัตถุเจือปนอาหาร
จะพบว่า มีการอนุญาตให้ใช้นีโอแทม (Neotame) ในซอสมะเชือเทศได้ที่ปริมาณสูงสุด ๗๐ มิลลิกรัมต่อ ๑ กิโลกรัม หรือ 70 ppm
ซึ่งก็คือ มาตรฐานทั่วไปสำหรับการใช้วัตถุเจือปนอาหารของโคเด็กซ์
(Codex General Standard for Food
Additives)
Download ได้ที่ http://www.fao.org/fao-who-codexalimentarius/standards/gsfa/en/
การใช้นีโอแทม (Neotame) ในซอสมะเชือเทศตามมาตรฐานระหว่างประเทศนี้
กำหนดไว้เป็นตารางใน ๒ ลักษณะ
๑. ตารางตามชนิดของวัตถุเจือปนอาหาร
๒. ตารางตามชนิดของอาหาร
ในตารางตามชนิดของวัตถุเจือปนอาหาร
มีข้อกำหนดการใช้นีโอแทม (Neotame) ในซอสมะเชือเทศ
ในหมวด 12.6.2
Non-emulsified sauces (e.g. ketchup, cheese sauce, cream sauce, brown gravy)
มีข้อกำหนดในหมวด Food Category No. 12.6.2 Non-emulsified
sauces (e.g. ketchup, cheese sauce, cream sauce, brown gravy)
ปริมาณสูงสุดของนีโอแทม (Neotame) ที่ให้ใช้ได้ในซอสมะเชือเทศ คือ ๗๐ มิลลิกรัมต่อ ๑ กิโลกรัม (ppm) เช่นกัน
ดังนั้น ซอสมะเชือเทศสูตรนี้ใช้นีโอแทม (Neotame) เพียง ๒๐ มิลลิกรัมต่อ ๑ กิโลกรัม (ppm)
จึงเป็นไปตามที่กฎระเบียบประเทศไทยและมาตรฐานระหว่างประเทศกำหนดไว้
ตัวอย่างที่ ๒ สมมตซอสมะเชือเทศใช้วัตถุเจือปนอาหารตามสูตรนี้
ตัวอย่างนี้ใช้ซอร์บิทอล (Sorbitol) เป็นวัตถุที่ให้ความหวานแทนน้ำตาล
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ ๓๘๙) พ.ศ. ๒๕๖๑ เรื่อง วัตถุเจือปนอาหาร (ฉบับที่ ๕)
อนุญาตให้ใช้ซอร์บิทอล (Sorbitol) ในหมวดอาหาร '๑๒.๖ ซอสและผลิตภัณฑ์ทำนองเดียวกัน' ในปริมาณที่เหมาะสม
ซอสมะเขือเทศอยู่ในหมวดอาหาร '๑๒.๖.๒ ซอสที่ไม่เป็นอิมัลชัน' ซึ่งเป็นหมวดย่อยของหมวด ๑๒.๖
จึงได้รับอนุญาตให้ใช้ซอร์บิทอล (Sorbitol) ในปริมาณที่เหมาะสมด้วย
ในมาตรฐานทั่วไปสำหรับการใช้วัตถุเจือปนอาหารของโคเด็กซ์ (Codex General Standard for Food Additives)
มีข้อกำหนดการใช้ซอร์บิทอล (Sorbitol) ในตาราง ๓ ซึ่งให้ใช้ได้กับอาหารทุกหมวดในปริมาณที่เหมาะสม โดยไม่ได้กำหนดปริมาณสูงสุดเอาไว้
จะเห็นว่า การใช้วัตถุเจือปนอาหารให้ถูกต้องตามกฎหมาย เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ง่าย ๆ มิใช่เรื่องยากเลย
ซึ่งการเข้าใจวัตถุเจือปนอาหารอย่างละเอียดยิ่งขึ้นอยู่ในบทความต่อไป ชุด "วัตถุเจือปนอาหาร กฎระเบียบไทย กับ มาตรฐานเทศ"
ตัวอย่างที่ ๒ สมมตซอสมะเชือเทศใช้วัตถุเจือปนอาหารตามสูตรนี้
ตัวอย่างนี้ใช้ซอร์บิทอล (Sorbitol) เป็นวัตถุที่ให้ความหวานแทนน้ำตาล
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ ๓๘๙) พ.ศ. ๒๕๖๑ เรื่อง วัตถุเจือปนอาหาร (ฉบับที่ ๕)
อนุญาตให้ใช้ซอร์บิทอล (Sorbitol) ในหมวดอาหาร '๑๒.๖ ซอสและผลิตภัณฑ์ทำนองเดียวกัน' ในปริมาณที่เหมาะสม
จึงได้รับอนุญาตให้ใช้ซอร์บิทอล (Sorbitol) ในปริมาณที่เหมาะสมด้วย
ในมาตรฐานทั่วไปสำหรับการใช้วัตถุเจือปนอาหารของโคเด็กซ์ (Codex General Standard for Food Additives)
มีข้อกำหนดการใช้ซอร์บิทอล (Sorbitol) ในตาราง ๓ ซึ่งให้ใช้ได้กับอาหารทุกหมวดในปริมาณที่เหมาะสม โดยไม่ได้กำหนดปริมาณสูงสุดเอาไว้
ดังนั้น ตัวอย่างนี้ ซอสมะเชือเทศใช้ซอร์บิทอล (Sorbitol) ๒๐ มิลลิกรัมต่อ ๑ กิโลกรัม (ppm)
จึงเป็นไปตามที่กฎระเบียบประเทศไทยและมาตรฐานระหว่างประเทศกำหนดไว้เช่นกัน ซึ่งการเข้าใจวัตถุเจือปนอาหารอย่างละเอียดยิ่งขึ้นอยู่ในบทความต่อไป ชุด "วัตถุเจือปนอาหาร กฎระเบียบไทย กับ มาตรฐานเทศ"
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น